FPT คงฟอร์มสวย จบปีงบฯ 66 สร้างรายได้ 17,000 ล้านบาท กำไร 1,861 ล้านบาท อัตราการเช่าโรงงาน-คลังสินค้าทะยานสู่นิวไฮ 86% ออฟฟิศ-รีเทลแกร่งต่อเนื่องทะลุ 93% บ้านเดี่ยวยังไปได้สวย เร่งเครื่อง One Platform พร้อมรับมือทุกความท้าทายปี 67

Frasers Property Thailand records solid revenue of THB 17 billion for FY23

กรุงเทพฯ 10 พฤศจิกายน 2566

บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ "FPT" ผู้นำอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรรายแรกของประเทศไทย ประกาศผลประกอบการปีงบการเงิน 66 (ต.ค. 65-ก.ย. 66) รับรู้รายได้ 16,810 ล้านบาท กำไร 1,861 ล้านบาท โดยธุรกิจที่อยู่อาศัยเดินหน้าตามเป้าหมายจากกลยุทธ์จับตลาดบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี ด้านโรงงาน-คลังสินค้าให้เช่าเติบโตโดดเด่น อัตราการเช่าพุ่งสู่ 86% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมยังครองแชมป์ตลาดด้วยพื้นที่ภายใต้บริหารจัดการกว่า 3.5 ล้านตร.ม. ส่วนกลุ่มพาณิชยกรรมยิ้มรับปัจจัยบวกตามความเชื่อมั่นภาคธุรกิจซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากอัตราการเช่าอาคารสำนักงานและพื้นที่รีเทลที่อยู่ในระดับสูงทะลุ 93% เล็งจ่ายปันผล 0.40 บาทต่อหุ้น

นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country Chief Executive Officer) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีงบการเงิน 2566 (ตุลาคม 2565-กันยายน 2566 ) บริษัทฯ สามารถขับเคลื่อน 3 ธุรกิจทั้งที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ คงความยืดหยุ่นในการบริหารสอดรับการสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย โดยให้ความสำคัญในการจัดการเงินทุนเพื่อรักษาเสถียรภาพและคงสภาพคล่องทางการเงิน รวมถึงเสริมความพร้อมในการเข้าลงทุนธุรกิจที่มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทฯ นอกจากนี้ ได้สร้างความคืบหน้าด้านการรับรู้ของแบรนด์ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อเดินสู่เป้าในการเป็น Top 5 อสังหาริมทรัพย์ไทย พร้อมทั้งจ่อเสริมผลิตภัณฑ์และบริการที่แตกต่าง ยกระดับคุณภาพชีวิต ตอบโจทย์ทุกดีมานด์ ผ่านการเป็น Real Estate as a Service Brand

FPT สร้างรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ และมีกระแสรายได้ต่อเนื่องจากค่าเช่าโรงงานและคลังสินค้า อาคารสำนักงาน ธุรกิจโรงแรม และบริการที่เกี่ยวข้อง รวม 16,810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 463 ล้านบาท หรือ 2.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไร 1,861 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 11% จากรายได้รวม

ผลการดำเนินงานของปีงบการเงิน 2566 กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย เปิดตัว 8 โครงการใหม่ รวมมูลค่าราว 15,000 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าบริษัทฯ จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยที่กดดันธุรกิจที่อยู่อาศัย ทั้งเงินเฟ้อ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และมาตรการ LTV ที่สิ้นสุดในสิ้นปี 2565 แต่ก็ยังคงความสามารถในการสร้างรายได้ถึง 11,004 ล้านบาท โดยบริษัทฯ เดินหน้าเพิ่มสัดส่วนตลาดบ้านเดี่ยวมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มบ้านลักชัวรีซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการและกำลังซื้อสูง พร้อมทั้งพัฒนาโซลูชันการอยู่อาศัยตอบโจทย์การใช้ชีวิต โดยในปี 2566 บริษัทฯ มีโครงการที่ดำเนินการรวม 78 โครงการ มูลค่ากว่า 115,800 ล้านบาท

กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม สามารถสร้างรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการ 2,799 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าเติบโตดีจากอานิสงส์การเปลี่ยนแปลงภูมิศาสตร์การเมืองโลก และนักลงทุนต่างชาติที่ขยายฐานและย้ายฐานการลงทุนมาประเทศไทย ผนวกกับการขยายตัวของธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และโลจิสติกส์ ทำให้ความต้องการพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน มีบันทึกจากค่าเช่าจากการลงทุนในประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม โดยบริษัทฯ มีพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการกว่า 3.5 ล้านตร.ม. และมีอัตราการเช่ารวมของพอร์ตโฟลิโอในระดับสูงถึง 86% ด้านเมกะโปรเจกต์เมืองอุตสาหกรรมสมัยใหม่ในจังหวัดสมุทรปราการเดินหน้าตามแผน พร้อมเปิดตัวในปีหน้า

ขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมซึ่งให้บริการอาคารสำนักงานให้เช่าเกรดเอและพื้นที่รีเทลสามารถรักษาระดับอัตราการเช่าได้สูงถึง 93% โดยโครงการมิกซ์ยูสสีลมเอจได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีหลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมีนาคม 2566 โดย ณ สิ้นปีงบการเงิน 2566 อาคารสีลมเอจมีอัตราการเช่าอาคารสำนักงานกว่า 92% ด้านศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์และสีลมเอจมีลูกค้าคึกคัก ขณะเดียวกัน จากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายและการใช้ชีวิตได้กลับสู่ภาวะปกติ ส่งผลบวกต่อการท่องเที่ยวของไทย และเป็นแรงหนุนให้กับธุรกิจโรงแรมของบริษัทฯ ซึ่งสร้างรายได้เติบโตกว่า 72% จากปีก่อน

ทั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมจ่ายเงินปันผล 0.40 บาทต่อหุ้น พร้อมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567

สำหรับปี 2567 บริษัทฯ มองว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว มีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคของภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก รวมถึงภาคการส่งออกที่ทยอยปรับตัวดีขึ้น กระนั้น ยังต้องจับตาประเด็นที่อาจกระทบกับเศรษฐกิจไทย อย่างความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลกในภูมิภาคต่าง ๆ ที่อาจรุนแรงและยืดเยื้อ อย่างไรก็ดี ด้วยโครงสร้างการดำเนินธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นภายใต้การบริหารอย่างมีเอกภาพ (One Platform) FPT จะขับเคลื่อน 3 กลุ่มธุรกิจอย่างรอบคอบ เพื่อผลักดันบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างมั่นคงต่อไป

ตารางเปรียบเทียบผลการดำเนินงานด้านการเงิน รอบระยะเวลา 12 เดือน (ตุลาคม 2565 – กันยายน 2566)

ผลการดำเนินงานด้านการเงิน
รอบระยะเวลา 12 เดือน
(ตุลาคม 2565 – กันยายน 2566)
2566
(ล้านบาท)
2565
(ล้านบาท)
เปลี่ยนแปลง
(ล้านบาท)
เปลี่ยนแปลง
(ร้อยละ) Y-o-Y
รายได้รวมสุทธิ 16,810 16,347 463 2.8
- รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 11,004 11,420 -416 -3.6
- รายได้ค่าเช่าและค่าบริการ 2,799 2,392 407 17.0
- รายได้อื่น ๆ 3,007 2,535 472 18.6
กำไรสุทธิ 1,861 2,465 -604 -24.5

ผลการดำเนินงานด้านการเงิน ไตรมาส 4 (กรกฎาคม – กันยายน 2566)

ผลการดำเนินงานด้านการเงิน ไตรมาส 4/2566
(กรกฎาคม - กันยายน)
(ล้านบาท)
รายได้รวมสุทธิ 5,209
- รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 3,312
- รายได้ค่าเช่าและค่าบริการ 738
- รายได้อื่น ๆ 1,159
กำไรสุทธิ 829

ข่าวสารองค์กรล่าสุด