เรียนผู้ถือหุ้นของ บริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

ปี 2564 เป็นปีแรกที่บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ดำเนินงานเต็มปี ภายใต้โครงสร้างใหม่ที่ขยายฐานธุรกิจเพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการทั้งหมดของบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เมื่อปลายปี 2563 โดยครอบคลุมธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย และอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เพิ่มขึ้นจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์และสมาร์ทโซลูชั่นที่บริษัทฯ ดำเนินการอยู่เดิม ทั้งนี้การมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลากหลายประเภทที่มีปัจจัยความเสี่ยงที่แตกต่างกัน นอกจากจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างรายได้ให้แก่บริษัทแล้ว ยังเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการผันผวนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งที่อาจเกิดจากปัจจัยภายนอก และเป็นการสร้างให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์กรในระยะยาว

ความหลากหลายของธุรกิจดังกล่าว ได้ช่วยลดผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรง ที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ตลอดทั้งปี 2564 ที่มีต่อผลประกอบการของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างมาก โดยในรอบระยะเวลา 12 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 15,721 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,567 ล้านบาท ลดลงจากปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 ร้อยละ 23 และร้อยละ 45 ตามลำดับ ซึ่งเป็นอัตราการลดลงที่สอดคล้องกับสภาวะอุตสาหกรรม เมื่อพิจารณาถึงธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการ Lockdown ของรัฐบาล และการให้พนักงานทำงานจากบ้าน (Work From Home) ของภาคธุรกิจเป็นเวลานานเพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ Covid-19 ส่วนด้านการเงิน บริษัทฯ สามารถรักษาสถานะทางการเงินที่มั่นคง มีสภาพคล่องที่แข็งแกร่งจากการกระจายการลงทุนอย่างสมดุลในสินทรัพย์หลายประเภท ที่สร้างรายได้และกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ และมีโครงสร้างทางการเงินที่เหมาะสม ซึ่งส่งผลให้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ทริสเรตติ้ง (TRIS Rating) ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท จากระดับ “A-” เป็น “A” ในปี 2564 นี้ด้วย

ผลประกอบการที่ลดลงในปี 2564 ส่วนหนึ่งมาจากการปรับใช้มาตรฐานรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 16 เรื่องสัญญาเช่า (TFRS 16) ที่กำหนดโดยสภาวิชาชีพบัญชี ทำให้ไม่สามารถรับรู้รายได้สิทธิการเช่ารอตัดบัญชีภายใต้สัญญาเช่าช่วงที่ดิน เมื่อร่วมกับการลดราคาค่าเช่าอาคารและค่าบริการให้แก่ผู้เช่าที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจ ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการ Lockdown ของรัฐบาล และการชะลอการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินให้แก่ลูกค้าผู้ซื้อบ้านอยู่อาศัย เนื่องจากขาดความมั่นคงทางรายได้ในช่วงที่ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการจ้างงานของภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 แต่ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ กลับได้รับประโยชน์จากการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และการย้ายฐานการผลิตของอุตสาหกรรมขนาดเล็กมายังประเทศไทยเพื่อสร้างความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) และลดต้นทุนการผลิตสินค้า ทำให้ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมของบริษัทฯ สามารถให้เช่าพื้นที่คลังสินค้าและโรงงานอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนกว่า 500,000 ตารางเมตร เปรียบเทียบกับ 300,000 ตารางเมตรในปี 2563 โดยพื้นที่เช่าที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ มาจากการพัฒนาคลังสินค้า และระบบโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ ซึ่งบริษัทฯ มีความชำนาญเป็นที่ยอมรับของลูกค้าผู้ประกอบการชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ ในปี 2564 บริษัทฯ ยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายสินทรัพย์โรงงานและคลังสินค้าที่มีผู้เช่าที่มีคุณภาพ และมีสัญญาเช่าที่แน่นอนให้แก่กองทรัสต์ FTREIT ซึ่งบริษัทถือหน่วยลงทุนร้อยละ 26.62 ส่วนธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์และสมาร์ทโซลูชั่น ซึ่งเป็นกิจการร่วมทุนที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 51 ได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารดาต้าเซ็นเตอร์แคมปัสหลังแรก สูง 7 ชั้น เนื้อที่ 30,000 ตารางเมตร และมีกำลังไฟพร้อมใช้ 20 เมกะวัตต์ แล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกลเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าขนาดใหญ่ที่เป็นองค์กรชั้นนำของประเทศจำนวนมาก ณ เดือนกันยายน 2564 มีลูกค้าใช้บริการกว่าร้อยละ 50 และบริษัทฯ ยังมีแผนจะสร้างอาคารดาต้าเซ็นเตอร์หลังที่สองต่อ ซึ่งจะทำให้ดาต้าเซ็นเตอร์แคมปัสของบริษัทฯ มีกำลังไฟรวมถึง 40 เมกะวัตต์ ด้านการลงทุนในเวียดนามปีนี้ บริษัทฯ ได้เริ่มเดินหน้าพัฒนาโครงการบนที่ดินกว่า 300 ไร่ ในเขตอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์เมืองบิณห์เดือง ซึ่งคาดว่าเฟสแรกของโครงการจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงกลางปี 2565

ควบคู่กับการบริหารงานภายใต้วิกฤตการณ์ดังกล่าวข้างต้น บริษัทฯ มีความภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยเหลือสังคมในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 โดยการให้ภาครัฐใช้พื้นที่ในศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ของบริษัทฯ สำหรับการฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั่วไป และร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชลบุรี และระยอง จัดตั้งโรงพยาบาลสนามและศูนย์พักคอยชุมชน โดยใช้พื้นที่โรงงานอุตสาหกรรมสำเร็จรูปที่ตั้งอยู่ในทั้ง 3 จังหวัดดังกล่าว ส่วนในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัทได้กำหนดนโยบายให้ทุกกลุ่มธุรกิจยึดหลักธรรมภิบาลในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณ โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย รวมถึงสังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมให้ความสำคัญในด้านจริยธรรม และการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ

บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 คลี่คลายลง ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ จะปรับตัวดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากนโยบายการบริหารจัดการด้านการตลาดที่ยืดหยุ่น ใส่ใจคำนึงถึงปัญหาและความจำเป็นของลูกค้า (Customer-Centric) โดยเฉพาะในช่วงวิกฤต ทำให้บริษัทฯ ยังคงรักษาอัตราการปล่อยให้เช่าอสังหาริมทรัพย์กลุ่มอาคารสำนักงานภายใต้การจัดการอยู่ที่ระดับสูงถึงร้อยละ 91 ในขณะที่ลูกค้าที่เช่าพื้นที่ร้านค้าก็อยู่ในอัตราร้อยละ 96 ส่วนการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยในระหว่างปี 2564 บริษัทฯ คัดเลือกทำเลและรูปแบบโครงการให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปทั้งในด้านไลฟ์สไตล์ ความเป็นส่วนตัว สุขอนามัยและความสะดวกในการเดินทางที่สามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้ง่าย ทำให้ยอดจองและพรีเซลล์ของโครงการใหม่อยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา และจากการที่บริษัทฯ ยังมีสถานะทางการเงินที่เข้มแข็ง และมีความตั้งใจที่จะให้ผลตอบแทนการลงทุนแก่ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติเสนอจ่ายเงินปันผลประจำปีสำหรับผลประกอบการปี 2564 จำนวน 0.34 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวมของบริษัทฯ โดยจะนำเสนอขออนุมัติต่อผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญประจำปี 2565 นี้

สุดท้ายนี้ ผมและคณะกรรมการของบริษัทฯ ขอขอบคุณ ท่านผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจ ท่านผู้ถือหน่วยลงทุนและกองทรัสต์ของบริษัทฯ สถาบันการเงิน และผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัทฯ ที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ ทุกท่าน ที่ได้ร่วมมือกันปฏิบัติงานด้วยความทุ่มเทอย่างเต็มกำลังความสามารถ จนทำให้บริษัทฯ สามารถก้าวข้ามช่วงเวลาท้าทายที่ผ่านมาในระดับที่น่าพอใจมาก ด้วยศักยภาพของบุคลากร รวมถึงโครงสร้างธุรกิจและการเงินที่เข้มแข็ง ผมมั่นใจว่าบริษัทฯ จะข้ามผ่านวิกฤติและเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน

นายชายน้อย เผื่อนโกสุม

ประธานกรรมการ

ติดต่อตัวแทนของเรา